การจะหา WordPress Theme มาใช้ซักอันนึงไม่ใช่เรื่องง่าย ปกติแล้วก็ได้ไม่ได้เปลี่ยนกันบ่อยๆด้วย วันนี้เราจะมาบอกหลักการเลือกธีมที่ใช่และหมาะสมกับเว็บไซต์ของเรากัน

อย่างใน KITCHENRAI เราก็ใช้หลักการแบบนี้มาเลือกธีม ซึ่งในบทความนี้จะเปรียบเทียบข้อมูลธีมใน Themeforest เป็นหลักนะครับ

หัวข้อ

รู้จุดประสงค์ของเว็บฯ

Know your WordPress objective

ก่อนที่จะเลือกธีม อย่างแรกเราต้องรู้ความต้องการของตัวเองก่อนว่าเราจะทำเว็บไซต์ไปในแนวทางไหน เพื่ออะไร จะเอาไปเขียนบล็อก ขายของ หรือทำเป็น portfolio อะไรก็ว่ากันไป ใครที่ยังไม่รู้จุดประสงค์ของตัวเองแนะนำว่าให้ตอบคำถามข้อนี้ให้ได้ก่อน ไม่งั้นเราอาจหลงทางเลือกธีมไม่เหมาะสมเท่าที่ควรฮะ

เลือกใช้ธีมให้ตรงจุดประสงค์

Choose the WordPress theme by your objective

หลังจากเรารู้จุดประสงค์ของเว็บไซต์แล้ว ถึงเวลาของการเลือก WordPress Theme กันแล้ว การเลือกธีมให้ตรงหมวดหมู่ทำให้เราได้ธีมที่ออกแบบและปรับแต่งมาเฉพาะทางและเราสามารถนำมาปรับแต่งต่อได้ง่ายด้วย นอกจากนั้นยังทำให้ UX (User Experience) ของเว็บไซต์เราดีขึ้นอีกด้วย

เลือกรูปแบบของธีมที่ชอบ

Choose your favorite design of WordPress theme

แน่นอนว่าความสวยงามของธีมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอันดับแรกๆ แนะนำให้ดูเรื่อง Layout ซึ่งเป็นเรื่องของการจัดวางองค์ประกอบของธีมเป็นหลัก โดยทั่วไปธีมฟรี เราจะสามารถปรับเปลี่ยนสีของธีมได้ตามต้องการ แต่กับ Layout เราค่อนข้างจะปรับแต่งได้ยาก ต่างจากธีมที่เสียเงินที่สามารถปรับแต่งได้เยอะกว่า

รองรับหลายขนาดหน้าจอ

Choose the responsive design WordPress theme

การเข้าใช้งานเว็บไซต์ทุกวันนี้มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์ซะอีก การเลือกธีมที่รองรับ Responsive design เป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับการทำเว็บไซต์ตอนนี้ Responsive design ทำให้ผู้ใช้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นในเวอร์ชั่น Desktop ออกไป

เราสามารถทดสอบความสามารถนี้ได้โดยการนำ URL ที่เป็น Demo ของธีมมาตรวจได้ที่ Google Mobile-Friendly Test

เลือกผู้พัฒนาที่น่าเชื่อถือ

Choose your credible developer

ผู้พัฒนาธีมเป็นอีกปัจจัยนึงที่ทำให้เราสามารถเลือกธีมที่มีคุณภาพได้ การเลือกผู้พัฒนาที่น่าเชื่อทำให้เรามั่นใจได้ในระดับนึงว่าจะไม่มีมัลแวร์หรือสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายแฝงมากับธีม ซึ่งเราสามารถดูได้คร่าวๆจากจำนวน Rating Sales และยอด Followers ในหน้าโปรไฟล์ของผู้พัฒนาแต่ละเจ้า

ดูรายละเอียดที่จำเป็น

Inspect into the WordPress theme detail

  • Last Update (วันสุดท้ายที่อัพเดท) การที่ผู้พัฒนายังอัพเดทธีมอยู่ ยิ่งทำให้เรายังมั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดปัญหา จะยังมีคนคอยแก้ปัญหาให้เรา
  • Compatible Browsers (เว็บบราวเซอร์ที่รองรับ) เป็นตัวบ่งบอกว่าธีมนี้สามารถใช้ได้กับ Web Browser เจ้าไหน เวอร์ชั่นอะไรบ้าง ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งดี
  • Software Version (เวอร์ชั่น WordPress ที่รองรับ) ข้อนี้เป็นตัวที่บ่งบอกว่าธีมนี้ใช้ได้กับ WordPress เวอร์ชั่นไหนบ้าง
  • Documentation (คุณภาพของคู่มือ) เป็นตัวบอกว่าคู่มือการใช้งานธีมยากหรือง่ายขนาดไหน
  • Layout (รูปแบบการแสดงผล) ควรเลือกธีมที่เป็น Responsive ตามที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้

ประสิทธิภาพของธีม

Choose a good performance WordPress theme

ธีมที่มีประสิทธิภาพดีในที่นี้คือ ธีมที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งให้โหลดได้รวดเร็ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ผู้พัฒนาจะให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ สำหรับการเช็คประสิทธิภาพของธีมสามารถตรวจสอบคร่าวๆได้จาก GTmetrix และ Google PageSpeed Insights โดยนำ Demo URL ของธีมไปเช็คและดูคะแนนจาก Checklist ที่เค้าเตรียมไว้ทดสอบได้เลย

Search Engine Optimization

Choose the WordPress theme that compatible with SEO ready

SEO (Search Engine Optimization) เป็นปัจจัยนึงที่จำเป็นสำหรับการทำเว็บไซต์ ลองคิดเล่นๆว่าถ้าของที่เราขายติดอันดับแรกของ Google จะเป็นยังไง แน่นอนว่าจะมีคนหลั่งไหลเข้ามาดูสินค้าของเราไม่ขาดสายแน่นอน

ธีมที่มี SEO ดี ผู้พัฒนาต้องมีความเข้าใจและพัฒนาตามหลัก SEO อย่างเช่น

  • On page structure (โครงสร้างของหน้าเว็บ)
  • Fast load (โหลดเร็ว)
  • Responsive design (รองรับการแสดงผลในหลากหลายอุปกรณ์)
  • User Experience (เว็บไซต์ต้องใช้งานง่าย)

เราสามารถเช็คคะแนน SEO ของธีมได้ทาง SEO Site Checkup

รองรับพื้นที่โฆษณา

Choose the WordPress theme that compatible with advertizing ready

เรื่องรายได้ก็เป็นอีกปัจจัยที่จำเป็นเหมือนกัน ธีมที่รองรับการติดโฆษณามีความได้เปรียบเรื่องรายได้มากกว่าธีมที่ไม่รองรับ ตัวอย่างเช่นเมื่อเว็บไซต์ของเราเป็นที่นิยม เกิดมีลูกค้าติดต่อลงโฆษณาหรือแม้กระทั่ง Banner ก็ตาม ถ้าเราเลือกใช้ธีมที่มีการรองรับโฆษณาจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความยืดหยุ่นในการหารายได้เพิ่มขึ้น

Customer Service

Choose the WordPress theme by customer service

การที่ธีมที่เราเลือกมี Customer service ทำให้เรามั่นใจว่า เมื่อเกิดปัญหาการใช้งาน เราจะสามารถติดต่อทางผู้พัฒนาเพื่อช่วยแก้ปัญหาได้ ส่วนใหญ่ธีมที่เสียเงินจะมี Customer service แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะ Support เราตลอดไป ปกติจะมีเวลาจำกัดให้ประมาณ 6 เดือน

สรุป

  • เลือกธีมที่ตรงจุดประสงค์ของเรา
  • เลือกธีมที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนและตอบโจทย์ความต้องการของเรา
  • ธีมราคาแพงไม่ได้เหมาะสำหรับเราเสมอไป

Photo from Unsplash by