ปี 2021 ทุกคนคงรู้จัก Cryptocurrency กันมาไม่มากก็น้อยแน่นอน เพราะตั้งแต่ปลาย 2020 ตลาดสกุลเงินดิจิตอลกลับมาคึกคักกันอีกครั้งในรอบหลายปี นักลงทุนทั้งหน้าใหม่และเก่าต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่โควิดระบาดอยู่ก็ตาม สำหรับใครที่ครอบครองสินทรัพย์ชนิดนี้อยู่ และคิดว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตไปอีกช่วงระยะเวลานึง เรามีอีกช่องทางการลงทุนที่ทำให้สินทรัพย์ของทุกคนงอกเงยขึ้นได้ดีกว่าปล่อยให้อยู่ในพอร์ตเฉยๆ ด้วย Binance Savings
Binance Savings คืออะไร
วิธีนี้เป็นการฝากสกุลเงินดิจิตอลที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยคล้ายกับธนาคารที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งทาง Binance จะนำเงินที่เราฝากไปปล่อยกู้ให้นักลงทุนคนอื่น แล้วคิดดอกเบี้ยการกู้ยืมมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้เรานั่นเอง โดยปกติแล้วธนาคารในไทยให้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5% – 1.0% ต่อปี แต่ด้วยวิธีนี้เราสามารถรับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 7% ต่อปี ณ วันที่เขียนบทความ
ไม่ใช่ทุกสกุลเงินดิจิตอลที่สามารถนำไปฝากเพื่อปล้อยกู้ได้ มีเฉพาะบางสกุลเงินเท่านั้นที่สามารถใช้วิธีนี้ได้ ตัวอย่างเช่น
- Bitcoin (BTC)
- Ethereum (ETH)
- Binance USD (BUSD)
- USD Tether (USDT)
- USD Coin (USDC)
โดยการฝากสกุลเงินดิจิตอลเหล่านี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
Flexible Savings ที่สินทรัพย์ของเราสามารถถอนออกจากการฝากได้ตลอดเวลา แต่จะให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนัก
Locked Savings เป็นการฝากที่ต้องรอครบกำหนดเวลาจึงจะสามารถถอนออกมาได้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าประเภทแรก แต่ต้องกำหนดเวลาในการฝากที่ชัดเจน เช่น 7 วัน, 14 วัน, 30 วัน และ 90 วันตามลำดับ
วิธีฝากเงินกับ Binance Savings
- สมัครบัญชี Binance และ Login ให้เรียบร้อยก่อน สามารถสมัครได้ ที่นี่ หากใครเคยสมัครแล้วสามารถข้ามข้อนี้ไปได้เลยครับ
- เตรียมสกุลเงินดิจิตอลที่จะนำไปฝากในกระเป๋า Spot ให้เรียบร้อย สำหรับใครที่ยังไม่มีสกุลเงินพวกนี้สามารถซื้อผ่าน Binance หรือจะโอนจากผู้ให้บริการในไทยก็ได้
- ไปที่หน้าฝาก
- เลือกประเภทการฝากและสกุลเงินที่จะนำฝาก จากนั้นกด โอน
- กรอกจำนวนที่เราต้องการฝาก อ่านเงื่อนไขให้ครบถ้วนแล้วกด ยืนยันการโอน
- จากนั้นสินทรัพย์ที่นำฝากของเราจะย้ายจากกระเป๋า Spot ไปยังกระเป๋า Earn ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูรายละเอียดการฝากรวมถึงดอกเบี้ยที่ได้ในนี้
สรุป
หากคุณเป็นคนนึงที่ต้องการเก็บหรือเริ่มแบ่งพอร์ตมาลงทุนใน Cryptocurrency อยู่แล้ว และยังไม่ได้ต้องการขายทำกำไรในระยะสั้น แนะนำว่าให้มาใช้บริการในประเภท Locked Savings ไปเลย ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุด ส่วนใครที่กำลังยังไม่แน่ใจว่าขายทำกำไรดีไหม ก็แนะนำว่าให้ฝากในประเภท Flexible Savings ก่อน เพื่อความยืดหยุ่นในการถอน ประเด็นสำคัญคือทั้ง 2 ประเภทสามารถสร้างรายได้ให้เรามากกว่าการนำเงินไปฝากธนาคารด้วย